เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 19 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สันทัด ลยางกูร ผกก.สน.ร่มเกล้า พร้อมด้วยพ.ต.ท.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ สว.สส.สน.ร่มเกล้า ร.ต.อ.จารุวัจน์ ศรีราเพ็ญ รอง สว.สส.สน.ร่มเกล้า และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ร่มเกล้า ร่วมกันนำกำลังเข้าจับจับกุม นายชรินทร์ จงทอง อายุ 46 ปี ชาว ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ภายหลังสืบทราบว่าก่อเหตุกักขังหน่วงเหนี่ยวและพยายามข่มขืนสาวชาวกัมพูชา โดยสามารถควบคุมตัวได้ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสะพานใหม่ ซอยพหลโยธิน 50 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนสน.ร่มเกล้า รับแจ้งเหตุหญิงสาวพลักตกจากที่สูงภายในห้องพักเลขที่ 119/115 ชั้น 3 ของอาคาร 5 แฟลตปากบึง ร่มเกล้า แขวงคลองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. จากนั้นอาสาสมัครมูลนิธิเร่งนำตัวส่งรพ.นวมินทร์ 1 ก่อนผู้ได้รับบาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาทราบชื่อคือน.ส.เปา อายุ 23 ปี สัญชาติกัมพูชา เป็นลูกจ้างร้านอาหาร ย่านรามคำแหง จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงร่วมกันลงพื้นที่เข้าตรวจสอบก่อนทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีผู้พักอาศัยอยู่กับผู้ตายคือนายชรินทร์ มีอาชีพเป็น รปภ. ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้หลบหนีไปในวันเกิดเหตุ จึงเร่งติดตามตัวได้ขณะแอบไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อน ย่านสะพานใหม่ จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวมาสอบสวนที่สน.ร่มเกล้า
ด้ายนายชรินทร์ ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้หลอกลวงผู้เสียชีวิตว่า สามารถช่วยทำบัตรทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ จากนั้นได้ชักชวนมาที่ห้องพักดังกล่าวเพื่อนั่งดื่มสุรา ขณะที่นั่งดื่มจนมีอาการมึนเมาจึงตัดสินใจชวนร่วมเพศกันแต่ผู้ตายเกิดไม่ยอมตนจึงปลุกปล้ำ จนผู้ตายวิ่งหลบหนีจะออกนอกประตูทางเข้า ตนจึงรีบลุกขึ้นขวางประตูพร้อมทั้งยึดโทรศัพท์เอาไว้ หลังจากนั้นผู้ตายได้วิ่งออกไปที่ด้านหลังห้องก่อนตัดสินใจปีนออกตรงระเบียงหลังห้องกระทั่งเกิดพลาดพลัดตกลงไปด้านล่างนอนหมดสติ มีเลือดไหลนองเต็มพื้น ด้วยความตกใจตนจึงรีบขี่รถจักรยานตร์หลบหนีไปพักบ้านเพื่อน ก่อนมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ชอบแอบอ้างหลอกลวงหญิงสาวต่างด้าว ย่านรามคำแหง ว่าสามารถทำบัตรที่ทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย หางานให้ใหม่ และหาคู่สมรสที่เป็นคนไทยร่ำรวยได้อีกด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กระทำอนาจารแก่บุคคลโดยใช้กำลังประทุษร้าย พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
source: khaosod.co.th