เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีเกิดเหตุอุณหภูมิใต้บ้านเลขที่ 41/2 ม.2 ต.หนองแรด อ.เทิง จ.เชียงราย เพิ่มสูงขึ้นจนเจ้าของบ้านอาศัยอยู่ไม่ได้ เหตุเกิดวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดหลายหน่วยงานได้เข้าไปตรวจถึงสาเหตุเพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับชาวหลาย ขณะที่เจ้าของบ้าน คือ นายสว่าง ศิริอาด อายุ 71 ปีมีความกังวลเกรงว่าจะมีผลกระทบกับการอาศัยอยู่ที่บ้านในระยะยาวและในปัจจุบันได้ย้ายไปนอนที่บ้านญาติเป็นการชั่วคราว ส่วนชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านต่างพากันไปมุงดูนับร้อยคน โดยบางคนนำขันน้ำไปวางคล้ายเป็นน้ำมนต์และพากันไหว้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ แต่หลายคนรอดูการตรวจสอบที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ก่อน
ด้านนายอดุลย์ ใจบุตร ผอ.ส่วนธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง นายสุทธิรักษ์ รักษ์เจริญ นายอำเภอเทิง นายอาเขต จำปา เจ้าพน้กงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อ.เทิง ได้เข้าไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวอย่างละเอียด ก็พบว่าเนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียว จึงง่ายต่อการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าลงสู่ชั้นดิน โดยในกรณีบ้านของนายสว่างเจ้าหน้าที่พบเกิดการรั่วไหลของไฟฟ้าบริเวณห้องน้ำใกล้กับห้องนอนดังกล่าว เพราะหลังจากปิดกระแสไฟฟ้าแล้วปรากฏว่ามิเตอร์ของหม้อแปลงไฟฟ้ายังคงวิ่งอยู่ จึงทำการตรวจสอบสายไฟ
พบมีการใช้สายไฟหุ้มฉนวนยางปกติโยงใยไปทั่วตัวบ้าน โดยไม่ได้หุ้มด้วยท่อพลาสติก และเสากลางของบ้านใช้เสาเหล็กด้วย จึงคาดการณ์ว่ากระแสไฟฟ้าถูกส่งไปยังชั้นใต้ดินบริเวณดังกล่าว และไปกระทบคานที่มีเหล็กเส้นที่มีความชื้น จึงทำให้เกิดความร้อนแผ่ออกมาดังกล่าว ทั้งนี้ช่วงที่มีการปิดกระแสไฟฟ้าเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องตรวจความร้อนทำการวัดอุณหภูมิ ก็พบว่าอุณหภูมิของพื้นห้องได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายสุทธิรักษ์ กล่าวว่า อุณหภูมิที่พื้นบ้านของนายสว่างขึ้นสูงสุด เมื่อกลางวันวันที่ 21 มิ.ย. พบว่าสูงถึง 58.2 องศาเซลเซียส แต่เมื่อได้ทดลองปิดกระแสไฟฟ้า จนถึงเช้าวันที่ 22 มิ.ย. ก็พบว่าลดลงเหลือ 40.42 องศาเซลเซียส และล่าสุดลดลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิปกติของพื้นที่ถูกแสงแดดทั่วไป กระนั้นยังอุ่นอยู่ จึงจะรอต่อไปอีกระยะหนึ่ง คาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติและพอจะสรุปได้ว่าสาเหตุมาจากกระแสไฟฟ้ารั่ว
ด้านนายอดุลย์ กล่าวว่า จุดที่ตั้งของบ้านไม่ได้อยู่บนรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกและไม่ตรวจพบว่ามีแก๊สรั่วไหลเหมือนที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แต่อย่างใด โดยเฉพาะชั้นใต้ดิน เมื่อดูจากสภาพทั่วไปพบเป็นดินปกติไม่ได้เป็นหนองน้ำหรือชั้นดินที่เกิดจากการทับถมเป็นอินทรีย์หรือออแกนิคส์แต่อย่างใด เมื่อได้รับทราบข้อมูลจาก กฟภ.ก็คาดการณ์ได้เลยว่าเกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วไหลซึ่งเหมือนกับที่ทางสำนักงานได้ตรวจพบมาก่อนหน้านี้แล้วหลายราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อทาง กฟภ.ได้ตรวจสอบมิเตอร์ใช้กระแสไฟฟ้าบ้านของนายสว่าง พบว่าตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.-15 มิ.ย. ใช้กระแสไฟฟ้าไปจำนวน 774 หน่วย ส่วนตั้งแต่วันที่ 15-22 มิ.ย. กลับใช้ไปแล้วกว่า 971 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 197 หน่วย
ซึ่งนายสว่างยอมรับว่า อาจจะต้องเสียค่าใช้กระแสไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่เคยจ่ายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 200 กว่าบาท แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบจนรู้ถึงปัญหา ซึ่งตนก็จะซ่อมแซมระบบสายไฟฟ้าในบ้านทั้งหมด เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อไป
ที่มา...khaosod.co.th